Selling on Tiktok? Learn more about our integration here.
จัดการคำสั่งซื้อและสินค้าคงคลังบนแพลตฟอร์มกลางเพื่อประสบการณ์ที่พิเศษที่สุด

การจัดการคำสั่งซื้อที่รวดเร็ว, ระบบที่พร้อมให้บริการ, และการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าทั้งหมดบนแพลตฟอร์มกลาง
Anchanto เชื่อมต่อระบบที่คุณใช้งานอยู่ได้อย่างง่ายดาย
บทความที่เผยแพร่เร็ว ๆ นี้

Table of Content

3PL เผชิญอุปสรรคอะไรบ้างในการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ระบบดิจิทัล และทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ

3PL เผชิญอุปสรรคอะไรบ้างในการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ระบบดิจิทัล และทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ

1. บทนำ

เหมือนลูกเรือที่ต้องพึ่งพาเครื่องมือล้ำสมัยฝ่าคลื่นลมที่ผันผวน ธุรกิจโลจิสติกส์ในปัจจุบันก็ต้องอาศัยระบบที่มีประสิทธิภาพสูงเพื่อนำทางสู่ความสำเร็จ ลมแรงแห่งอีคอมเมิร์ซพัดถาโถม เปลี่ยนโฉมหน้าความคาดหวังในภาคโลจิสติกส์ไปอย่างสิ้นเชิง ทว่าโมเดล 3PL แบบดั้งเดิมกลับเผชิญความท้าทายในการปรับตัวเข้ากับความต้องการใหม่ ๆ นี้ เนื่องด้วยขาดแคลนเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับการนำทางท่ามกลางความต้องการที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

แล้วทำไมโมเดลแบบเดิมถึงล้าหลัง?

คำตอบง่ายๆ คือ พวกเขายังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ความเป็น “ดิจิทัล” อย่างเต็มรูปแบบ

ตามรายงาน [1] ชี้ว่า บริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ ประมาณ 67% ระบุว่ามีกลยุทธ์การทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ระบบดิจิทัลอย่างเป็นทางการ เพื่อนำไปปรับกระบวนการทางธุรกิจให้เป็นดิจิทัลอย่างแข็งขัน อีก 31% อยู่ระหว่างการประเมินแผนดังกล่าว และ 3% บอกว่าไม่มีกลยุทธ์การทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ระบบดิจิทัล

ยุคนี้การเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล (digitalization) คือหัวใจสำคัญ บริษัท 3PL จำเป็นต้องเดินหน้าทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล (digital transformation) เพราะตลาดโลจิสติกส์อีคอมเมิร์ซทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างมหาศาล คาดว่าจะสูงถึง €770.8 พันล้านยูโรภายในปี 2026 [2] การเติบโตนี้มาจากวิถีชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งนิยมความสะดวกสบายที่บริการอีคอมเมิร์ซมอบให้มากขึ้น

E-commerce-Logistics-Market-Size

แนวโน้มใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น เช่น โซเชียลคอมเมิร์ซ (social commerce), แชทคอมเมิร์ซ (chat commerce), วิดีโอคอมเมิร์ซ (video commerce) และ ไลฟ์คอมเมิร์ซ (live commerce) ได้ดึงดูดใจผู้ซื้อออนไลน์ ส่งผลให้ความต้องการสินค้าออนไลน์พุ่งสูงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แม้ว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของอีคอมเมิร์ซจะเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ก็ยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับธุรกิจ 3PL ความต้องการที่ซับซ้อนของลูกค้า ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และการแข่งขันที่รุนแรง กำลังกดดันโมเดลโลจิสติกส์แบบดั้งเดิมให้ถึงขีดสุด

ต่อสู้กับความท้าทายเหล่านี้ การทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลกลายเป็นสิ่งจำเป็นและเร่งด่วนสำหรับบริษัท 3PL แต่การทรานสฟอร์มให้ประสบความสำเร็จนั้นกลับเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับหลายบริษัท

ในฐานะที่คุณเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์บุคคลที่สาม (3PL) ที่กำลังปรับตัวตามความต้องการของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ คุณคิดว่าบริษัทของคุณกำลังเผชิญสถานการณ์แบบเดียวกันนี้หรือไม่?

2. ทำไม 3PLs จึงต้องเผชิญความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล?

การเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัล ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ทางธุรกิจในยุคนี้ แต่มันคือ หัวใจสำคัญ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ  รักษาความสามารถในการแข่งขัน และตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของอุตสาหกรรม

แม้ความต้องการบริการ 3PL จะเพิ่มสูงขึ้น ตลาดโลจิสติกส์ 3PL คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 13.60 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2028 [3] สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตมหาศาล แต่นั่นก็หมายความว่า การแข่งขันจะรุนแรงยิ่งขึ้นเช่นกัน การคิดนอกกรอบเพื่อนำเสนอบริการที่แตกต่างอย่างแท้จริง จึงเป็นหัวใจสำคัญในการช่วงชิงความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

แบรนด์และร้านค้าปลีกต่างก็มีความคาดหวังที่สูงขึ้นเมื่อทำงานร่วมกับ 3PL ตัวอย่างเช่น พวกเขาคาดหวังการมองเห็นข้อมูลสินค้าและ ความสามารถในการปรับขยายบริการ แต่สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือ การมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าปลายทาง และการนำเทคโนโลยีลล้ำสมัยมาใช้เพื่อการจัดการคำสั่งซื้อที่รวดเร็วและไร้ข้อผิดพลาด

ปัญหาเหล่านี้ ล้วนแก้ไขได้ด้วยการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ระบบดิจิทัล แต่เส้นทางสู่ความสำเร็จในยุคดิจิทัล มักจะมาพร้อมกับอุปสรรคเหล่านี้:

Why-3PL-Transformation-Struggles

  • ขาดการพัฒนาทักษะที่มีประสิทธิภาพ: ตามผลสำรวจของ PwC [4] กว่าสองในสาม ของผู้ตอบแบบสอบถาม คาดว่าการนำระบบดิจิทัลไปใช้ในซัพพายเชนจะต้องมีการยกระดับทักษะของพนักงานบ้าง แต่ที่น่าแปลกใจคือ การยกระดับทักษะด้านดิจิทัล เป็นเรื่องที่องค์กรให้ความสำคัญเพียง 7% เท่านั้น
  • ความล่าช้าในการนำเทคโนโลยีไปใช้: ผลสำรวจ PwC’s Digital Trends in Supply Chain ระบุว่า มีเพียง 17% ของผู้บริหารเท่านั้นที่ระบุว่า การลงทุนในเทคโนโลยีของบริษัท บรรลุผลตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งหมด เหตุผลของปัญหานี้คือ – ไม่มีเวลามากพอสำหรับการดำเนินการ (21%) และการขาดวิสัยทัศน์และผู้รับผิดชอบที่ชัดเจน (4%)
  • ไม่เน้นสร้างความสามารถด้านดิจิทัล: ตามงานวิจัยระดับโลกของ Accenture [5] อุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์มีศักยภาพด้านดิจิทัลที่ยังแตกแยก ผู้ตอบแบบสอบถามกว่าสามในสี่ของการสำรวจนี้เชื่อว่าอุตสาหกรรมนี้ล้าหลังในด้านความพร้อมสู่การเป็นดิจิทัลมาโดยตลอด โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามถึง 76% ที่เชื่อว่า บริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ที่ไม่มุ่งเน้นการสร้างความสามารถด้านดิจิทัล จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจอย่างรุนแรง
  • ขาดโครงสร้างหรือขอบเขตการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลที่ชัดเจน: ผลสำรวจของ Accenture ระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามประมาณ 72% เห็นตรงกันว่า ในทุกระดับของอุตสาหกรรม ไม่เพียงแต่จะขาดความรู้ด้านดิจิทัลเท่านั้น แต่ยังขาดแผนงานและสิ่งที่ต้องดำเนินการอีกด้วย

3. ความท้าทายในอุตสาหกรรมที่สนับสนุนให้ 3PLs ก้าวสู่ดิจิทัล

ตลาด 3PL ทั่วโลกกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลาด 3PL ของยุโรป ซึ่งเชื่อว่าเป็นหนึ่งในตลาดที่เก่าแก่และก้าวหน้าที่สุดในโลก คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ประจำปี (CAGR 2024-2028) ที่ 2.61% ส่งผลให้มีมูลค่าตลาดที่คาดการณ์ไว้ที่ 310.20 พันล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2028 [6]

ตลาด 3PL ในเอเชีย ซึ่งถือเป็นตลาดโลจิสติกส์ที่กำลังเติบโต คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ประจำปี (CAGR 2024-2028) ที่ 2.99% ส่งผลให้มีมูลค่าตลาดที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.63 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2028 [7]

ทำไมการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลในด้านโลจิสติกส์จึงมีความสำคัญ ขณะที่ธุจกิจกำลังเติบโต?

แม้ว่าตลาดโลจิสติกส์จะเฟื่องฟู แต่โอกาสและความท้าทายก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ความท้าทายเหล่านี้เองที่เป็นแรงผลักดันให้ 3PL อย่างคุณ จำเป็นต้องปรับโฉมโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง

ต่อไปลองมาดูความท้าทายสำคัญที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลในปัจจุบัน:

a. การทำงานแบบแมนนวล ส่งผลต่อประสิทธิภาพและต้นทุน

สิ่งที่ทำให้การดำเนินงานของ 3PL ไม่มีประสิทธิภาพและมีค่าใช้จ่ายสูง ส่วนใหญ่มาจากงานแบบแมนนวล แม้ว่าจะไม่สามารถตัดการมีส่วนร่วมของบุคลากรออกจากกิจกรรมของ 3PL ได้อย่างสิ้นเชิง แต่การพึ่งพาบุคลากรจำนวนมากสำหรับการดำเนินงานด้านต่าง ๆ เช่น การรวบรวมข้อมูลคำสั่งซื้อ การดำเนินการตามคำสั่งซื้อ ระดับสต็อก การนำข้อมูลลูกค้าเข้าสู่ระบบ ฯลฯ อาจนำไปสู่ความล่าช้า ความไม่คล่องตัว และโอกาสในการเกิดข้อผิดพลาด

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยภาวะขาดแคลนแรงงาน [8] ในตลาดโลกยุคปัจจุบัน 3PL ยังต้องเผชิญกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย

กรณีศึกษา: การปรับสู่ระบบดิจิทัลของ Asendia, บริษัทขนส่งและไปรษณีย์ชั้นนำเกิดจากความร่วมมือระหว่างไปรษณีย์แห่งชาติฝรั่งเศส (La Poste) และสวิตเซอร์แลนด์ (Swiss Post) เติบโตอย่างแข็งแกร่งในกว่า 15 ประเทศทั่วโลกภายในเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ประสบความสำเร็จ แต่ Asendia กลับประสบปัญหา เนื่องจากยังคงใช้ระบบเดิมที่สร้างขึ้นหลายปีก่อน ส่งผลให้กระบวนการส่วนใหญ่เป็นแบบแมนนวล ซึ่งก่อให้เกิดความติดขัดในการดำเนินงาน ส่งผลถึงประสิทธิภาพโดยรวม

Asendia-3PL-Digital-Transformation

b. การเข้าถึงข้อมูลสินค้าคงคลังที่จำกัด ขัดขวางการให้บริการคลังสินค้าอย่างราบรื่น

การมองเห็นสินค้าคงเหลือในคลังสินค้าที่จำกัด มักส่งผลให้ไม่ทราบว่ามีสินค้าอะไรอยู่ในคลัง ความล่าช้าในการจัดการคำสั่งซื้อ การขายเกินสต็อก การมีสต็อกสินค้ามากเกินไป และการส่งสินค้าผิดไปยังลูกค้า ระบบการจัดการสินค้าคงคลังแบบวิธีการแมนนวล มักจะอัพเดทข้อมูลช้ากว่าจำนวนคำสั่งซื้อที่คุณได้รับ และคุณมักจะไม่รู้ปริมาณสินค้าคงเหลือที่แท้จริง

ในทำนองเดียวกัน เมื่อทีมของคุณใช้เวลามากในการค้นหาสินค้า ส่งผลต่อความล่าช้าในการจัดส่ง สิ่งนี้อาจสร้างความรำคาญใจให้กับลูกค้าของคุณและผู้บริโภคปลายทาง ทำให้ความน่าดึงดูดใจในการเป็นพันธมิตรกับคุณลดลง

กรณีศึกษา: บริษัท FMCG ระดับโลกต้องการเปลี่ยนเครือข่ายโลจิสติกส์ของคลังสินค้า 82 แห่งให้เป็นดิจิทัลในฟิลิปปินส์ แต่พันธมิตรที่ดำเนินการคลังสินค้าเหล่านี้ใช้ระบบจัดการสินคลังสินค้าที่แตกต่างกัน บางระบบเป็นแพลตฟอร์มดั้งเดิมที่ล้าสมัยหรือระบบออฟไลน์ที่ไม่มีการเชื่อมต่อแบบเรียลไทม์กับช่องทางการขายและข้อมูลเชิงลึกของสินค้าคงเหลือทั้งหมด สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อการมองเห็นและควบคุมซัพพายเชนของแบรนด์ในประเทศที่จำกัด

FMCG-Company-Digital-Transformation

c. ความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า B2B

ในฐานะที่เป็น 3PL คุณทำงานร่วมกับลูกค้าหลายรายที่ดำเนินธุรกิจที่มีขนาดและเป้าหมายที่หลากหลาย เช่น การลดต้นทุน การมองเห็นกระบวนการดำเนินงานอย่างชัดเจน และการขยายธุรกิจไปสู่อีกระดับ การยึดติดกับวิธีการดำเนินงานแบบเดิมจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการเหล่านี้ได้

เทคโนโลยีเดิมของคุณจะไม่สามารถรองรับความคาดหวังที่เปลี่ยนแปลงไปได้ ถึงแม้จะมีการอัปเกรดระบบเป็นประจำ เพราะระบบเหล่านี้ออกแบบมาเพื่อรองรับจำนวนลูกค้า คำสั่งซื้อ สินค้าคงคลัง และฟังก์ชันการทำงานที่แน่นอน แต่ทุกครั้งที่คุณมีลูกค้าใหม่เข้ามา พวกเขามีความต้องการใหม่ๆ เช่น การเชื่อมต่อกับตลาดออนไลน์เพิ่มเติมหรือระบบ ERP การพัฒนาและดูแลการเชื่อมต่อเหล่านี้ต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติม และเพิ่มขึ้นตามจำนวนลูกค้าและความซับซ้อนของการเชื่อมต่อ

รายงานระบุว่า [9] ตลาดโลจิสติกส์ทั่วโลกคาดว่าจะใช้เงิน 77.52 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการเปลี่ยนโฉมสู่ระบบดิจิทัลภายในปี 2030 ซึ่งหมายความว่า บริษัทโลจิสติกส์ส่วนใหญ่ต่างก็กำลังลงทุนปรับเปลี่ยนระบบสู่ดิจิทัล เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าและแนวโน้มของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้น คำถามคือ คุณควรจะซ่อมระบบที่มีอยู่ หรือเปลี่ยนโฉมเข้าสู่ระบบดิจิทัล?

กรณีศึกษา: LamboMove บริษัทผู้ให้บริการจัดส่งสินค้า Last-mile ชั้นนำในประเทศมาเลเซีย ประสบปัญหาประสิทธิภาพการทำงานที่จำกัดและต้นทุนการจัดการคลังสินค้าที่สูงขึ้น เนื่องจากใช้กระบวนการแบบเก่าและระบบจัดการคลังสินค้าที่ไม่มีประสิทธิภาพ สิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อความเสี่ยงต่อสถานะของพวกเขาในตลาดโลจิสติกส์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากไม่สามารถปรับตัวเข้ากับความต้องการของลูกค้าในยุคใหม่ได้

Lambomove-Digital-Transformation

d. การสื่อสารข้อมูลสำคัญไปยังลูกค้า เป็นเรื่องที่ยากลำบาก

ลูกค้าไว้วางใจให้คุณดูแลสินค้าคงคลังของพวกเขา และคาดหวังให้คุณบริหารจัดการกระบวนการอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีระบบที่สามารถรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนคำสั่งซื้อที่ได้รับ การดำเนินการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ คุณก็ไม่สามารถแบ่งปันข้อมูลสำคัญกับลูกค้าแบบเรียลไทม์ได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะทำให้ลูกค้าสูญเสียการควบคุมสินค้าของตนเอง และนี่ไม่ใช่สิ่งที่ลูกค้าของคุณคาดหวัง

“แน่นอน การที่แบรนด์เลือกใช้บริการ 3PL ก็เพื่อต้องการปล่อยวางภาระด้านการดำเนินงานภายในองค์กร เพื่อที่พวกเขาจะได้มุ่งเน้นไปที่การขยายธุรกิจของตนเอง แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็คาดหวังที่จะได้รับข้อมูลเชิงลึกและสามารถมองเห็นภาพรวมของกระบวนการที่ 3PL ดำเนินการด้วย ช่องว่างที่ผู้ให้บริการ 3PL และลูกค้ามองเห็นตรงกันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมาเลเซีย ก็คือ ลูกค้าบางรายอาจจะไม่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลการดำเนินงาน หรือได้รับเพียงแค่รายงานที่สร้างขึ้นเองทุกเดือน ซึ่งไม่สามารถนำไปใช้ในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้อย่างทันท่วงที,” กล่าวโดย Kamalanathan Magedran, Country Head, Anchanto Malaysia.

e. ความต้องการระบบการกำหนดเส้นทางการสั่งซื้อที่รวดเร็วและชาญฉลาดมากขึ้น

เพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการประมวลผลและจัดการคำสั่งซื้อมีประสิทธิภาพ คุณจำเป็นต้องกำหนดพารามิเตอร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการกำหนดเส้นทางการสั่งซื้อ ตัวอย่างเช่น เพื่อให้แน่ใจว่าการจัดส่งคำสั่งซื้อรวดเร็ว คุณอาจต้องการกำหนดสถานที่รับสินค้าเข้าและเตรียมสินค้าเพื่อจัดส่งที่ใกล้กับลูกค้ามากที่สุด หรือกำหนดเส้นทางการสั่งซื้อไปยังคลังสินค้าที่มีสต็อกสินค้าคงคลังสูงสุด อย่างไรก็ตาม หากไม่มีการมองเห็นข้อมูลสินค้าคงเหลือ การกำหนดคลังสินค้าแบบอัตโนมัติสำหรับการกำหนดเส้นทางการสั่งซื้ออย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูกาลขาย ย่อมเป็นเรื่องที่ยากลำบาก

การขาดข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับระดับสต็อกที่แม่นยำ จะส่งผลให้คุณไม่สามารถระบุได้ว่า สถานที่รับสินค้าเข้าและเตรียมสินค้าเพื่อจัดส่งที่ใกล้มากที่สุด มีสินค้าคงคลังตามความต้องการของลูกค้าหรือไม่ หรือคลังสินค้าใดมีจำนวนสินค้าคงคลังมากที่สุด การหาข้อมูลเหล่านี้ใช้เวลานาน หากยังคงใช้วิธีการจัดการแบบแมนนวลหรือระบบล้าสมัยอยู่

“3PL หลายแห่งและลูกค้าของพวกเขาสามารถเติมสต็อกสินค้าได้ แต่ไม่ทราบจำนวนสินค้าคงคลังทั้งหมดในคลังสินค้า ไม่ว่าจะมองภาพรวมทั้งหมดหรือแยกตามแต่ละสถานที่ก็ตาม สินค้าแต่ละชิ้นก็ไม่สามารถติดตามได้ ส่งผลให้ไม่มีข้อมูลแบบเรียลไทม์ที่จำเป็นต้องใช้เมื่อต้องการ” กล่าวโดย Kamalanathan.

4. ข้อควรระวังหากไม่ปรับตัวสู่ระบบดิจิทัลสำหรับธุรกิจ 3PL

ในยุคที่ความต้องการในการเปลี่ยนโฉมธุรกิจสู่ระบบดิจิทัล (digital transformation) มีสูงขึ้น การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาปรับใช้และการปรับกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กรถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง การชะลอการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ออกไป ยิ่งส่งผลกระทบต่อความท้าทายในแต่ละวันของคุณให้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ต่อไปนี้คือผลกระทบบางประการที่อาจเกิดขึ้นจากการต่อต้านหรือมองข้ามการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล

a. ความสามารถในการขยายตัวที่จำกัด: กระบวนการแบบแมนนวลและระบบล้าสมัยเป็นข้อจำกัดต่อการขยายตัวและเติบโตของธุรกิจ เนื่องจากระบบเหล่านี้ไม่สามารถรองรับความรวดเร็วและแม่นยำที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการในการตอบสนองลูกค้าหลายรายได้อย่างพร้อมเพียง

b. การจัดการสินค้าคงคลังที่ไม่แม่นยำและใช้แรงงานคน: เมื่อแพลตฟอร์มที่ใช้งานแตกต่างกันไม่ได้รับการเชื่อมต่อ พวกมันจะไม่สามารถสื่อสารข้อมูลซึ่งกันและกัน ส่งผลให้เกิดปัญหาสต็อกสินค้าไม่ตรงตามจริง ส่งผลให้เกิดการขายเกินสต็อก หรือสินค้าหมดสต็อก

c. ถูกบล็อกโดยแพลตฟอร์ม: หากไม่สามารถปรับบริการให้ตรงตามเงื่อนไขการให้บริการ (SLA) ด้านการจัดส่งสินค้าของ Marketplace และแนวทางอื่น ๆ อาจมีความเสี่ยงที่จะถูกบล็อกจากแพลตฟอร์มนั้น ๆ

d. ยากต่อการรักษาลูกค้า: การขาดความโปร่งใสอันเนื่องมาจากระบบล้าสมัยหรือกระบวนการแบบแมนนวล จะส่งผลต่อความไว้วางใจของลูกค้าที่มีต่อบริษัทของคุณ และอาจทำให้ลูกค้ามองหาตัวเลือกที่ดีกว่าจากคู่แข่ง

e. การดำเนินงานที่ไม่มีประสิทธิภาพและสิ้นเปลือง: การดำเนินงานที่ยึดติดกับระบบเดิมและไม่เชื่อมต่อกัน ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการบริการและรายได้ของคุณ

f. การยกเลิกคำสั่งซื้อเนื่องจากข้อผิดพลาดภายในหรือความล่าช้า: หากไม่มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ย่อมเกิดข้อผิดพลาดจากบุคคลได้ ตัวอย่างเช่น การหยิบสินค้าผิดและจัดส่งไปให้ลูกค้าถือเป็นข้อผิดพลาดที่ส่งผลต่อประสบการณ์การช้อปปิ้งของลูกค้า ในทำนองเดียวกัน การใช้เวลานานในการค้นหาสินค้าที่ถูกต้องเพื่อจัดส่ง ย่อมทำให้เกิดความล่าช้าในการจัดส่ง ส่งผลต่อประสบการณ์การช้อปปิ้งในทางลบ

5. 3PL จะสามารถเปลี่ยนโฉมสู่ระบบดิจิทัลอย่างราบรื่นได้อย่างไร?

ในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์บุคคลที่สาม (3PL) ที่ต้องการก้าวล้ำหน้าในสภาวะธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คุณจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีอันทันสมัยและกระบวนการดำเนินงานที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องมาใช้ บทความนี้จะเจาะลึกถึงแนวทางปฏิบัติที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิทัลอย่างราบรื่น นอกจากนี้เรายังสำรวจองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้คุณอยู่รอดและประสบความสำเร็จในยุคของการปฏิวัติดิจิทัล

a. การใช้ระบบอัตโนมัติทดแทนการทำงานแบบแมนนวล เพื่อลดภาระด้านการปฏิบัติงาน

วิธีที่ดีที่สุดในการลดการทำงานแบบแมนนวลและส่งเสริมการนำระบบดิจิทัลมาใช้ คือ การเปลี่ยนการดำเนินด้วยคนมาเป็นระบบทำงานแบบอัตโนมัติ ซึ่งรวมถึงการถ่ายโอนข้อมูลจากพันธมิตร แพลตฟอร์ม และระบบ ERP ต่างๆ ด้วยโซลูชันการจัดการคลังสินค้าและโลจิสติกส์บนคลาวด์ คุณจะสามารถเข้าถึงการเชื่อมต่อที่พร้อมใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อระบบกับพันธมิตรของคุณได้ทั้งหมด และการแลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นไปได้โดยอัตโนมัติ

การลดการพึ่งพาบุคลากรหรือวิธีการทำงานแบบแมนนวลในการอัปเดตความคืบหน้าของคำสั่งซื้อ บันทึกสต็อกสินค้า การรับเข้าระบบ ฯลฯ ส่งผลให้คุณประหยัดต้นทุน ลดข้อผิดพลาด และความไม่คล่องตัว ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อธุรกิจของคุณขยายตัว คุณจะไม่ต้องกังวลกับสภาวะตลาดแรงงานขาดแคลน อีกต่อไป

b. ยกระดับการควบคุมและความแม่นยำของสินค้าคงคลัง

การนำระบบเชื่อมต่อที่เหมาะสมมาใช้ จะช่วยให้คุณติดตามระดับสต็อกสินค้าแบบเรียลไทม์ ซึ่งป้องกันไม่ให้ลูกค้าของคุณขายเกินสต็อกหรือมีสินค้าค้างสต็อกจำนวนมาก นอกจากนี้ ด้วยข้อมูลบันทึกการเคลื่อนไหวของสต็อก คุณสามารถรักษาปริมาณสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ป้องกันความล่าช้าในการเติมสต็อกสินค้าและการมีสินค้าในสต็อกมากเกินไป (ซึ่งกินพื้นที่คลังสินค้าที่มีค่า) ช่วยให้คุณประหยัดเงินให้กับลูกค้าของคุณอีกด้วย

การใช้เทคโนโลยีการจัดการคลังสินค้าที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณจัดวางสินค้าไว้ในคลังอย่างเหมาะสม เพื่อให้หยิบสินค้าและดำเนินการได้เร็วขึ้น ระบบการจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติยังช่วยให้ทีมงานของคุณค้นหาสินค้าที่สั่งซื้อได้อย่างแม่นยำในโซน ชั้นวาง และช่องเก็บสินค้าที่ถูกต้อง ช่วยให้คุณประหยัดเวลาและลดข้อผิดพลาดได้อย่างมาก

c. ใช้เทคโนโลยี SaaS เพื่อแบ่งปันข้อมูลกับลูกค้าของคุณ

ในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์บุคคลที่สาม (3PL) หัวใจสำคัญของบริการของคุณคือ การช่วยเหลือลูกค้าในการนำส่งสินค้าไปยังลูกค้าปลายทางของพวกเขาเอง อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาวะการแข่งขันที่สูงในตลาด ลูกค้าของคุณคาดหวังสิ่งต่างๆ มากขึ้นจากคุณ เพื่อตอบสนองความคาดหวังเหล่านั้น คุณจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าของคุณมาใช้

เว็บพอร์ทัลที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการและรองรับแบรนด์ของลูกค้า ช่วยให้พวกเขาสามารถจัดการคำสั่งซื้อ สินค้าคงคลัง และการดำเนินงานคลังสินค้าได้อย่างอิสระ ถือเป็นการพัฒนาที่ก้าวหน้า ด้วยการเลือกเทคโนโลยีจากพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสม คุณสามารถแบ่งปันเว็บพอร์ทัลที่ออกแบบและพัฒนามาไว้ล่วงหน้าให้กับลูกค้า โดยสามารถปรับแต่งให้สอดคล้องกับเอกลักษณ์เฉพาะของแบรนด์ แพลตฟอร์มแบบ White-labeled นี้ทำงานบนเทคโนโลยีที่มีอยู่ของคุณ โดยไม่ต้องเปิดเผยระบบหลังบ้านทั้งหมดให้ลูกค้าเข้าถึง ด้วยการตั้งค่านี้ คุณสามารถดูแลข้อมูลลูกค้าและติดตามสถานะ ปริมาณการสั่งซื้อ หรือจำนวนสินค้าคงคลังได้อย่างสะดวก

ประโยชน์เพิ่มเติมของเว็บพอร์ทัลนี้คือ การแบ่งปันรายงานข้อมูล เมื่อส่งรายงานทางอีเมลไปยังแบรนด์ต่าง ๆ จะใช้เวลานาน และรายงานอาจสูญหายไปในกล่องจดหมายที่มีจำนวนมาก ด้วยเว็บพอร์ทัลที่ปรับแต่งสำหรับลูกค้าของคุณ คุณสามารถมอบสิทธิ์การดาวน์โหลดรายงานเกี่ยวกับสินค้าคงคลังและคำสั่งซื้อของพวกเขาในคลังสินค้าของคุณทั้งหมด ด้วยวิธีนี้ พวกเขาสามารถติดตามคำสั่งซื้อที่กำลังดำเนินการ อยู่ในสถานะรอ หรือแม้แต่สินค้าที่ถูกตีกลับ

Anchanto-custom-branded-portal

A central platform for 3PLs to monitor customer activity

d. ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เติบโตไปกับคุณ

หากยังใช้ระบบเก่าหรือเทคโนโลยีภายในองค์กรจัดการคลังสินค้าและสินค้าคงคลัง ถึงเวลาแล้วที่ควรเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีบนคลาวด์จากผู้ให้บริการ SaaS เทคโนโลยีเหล่านี้ได้รับการดูแลและอัปเดตอยู่เสมอโดยผู้ให้บริการ รองรับการขยายตัวตามธุรกิจของคุณ และมีตัวเลือกการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีที่หลากหลาย

ด้วยเทคโนโลยี SaaS บนคลาวด์ คุณสามารถใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ ได้ตามต้องการ เมื่อใดก็ได้ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับ Marketplace ที่ลูกค้าของคุณต้องการ ซึ่งช่วยให้กระบวนการ onboarding ลูกค้ารวดเร็วขึ้นและมั่นใจได้ว่าการเชื่อมต่อจะราบรื่น

ผู้ให้บริการ SaaS จะดูแลการอัปเดตระบบและนำเสนอฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของคุณอยู่เสมอ คุณจึงสามารถทุ่มเทให้กับงานหลักของคุณได้เต็มที่ นั่นคือ การสนับสนุนความต้องการให้กับแบรนด์ต่าง ๆ

Anchanto-ready-to-use-integrations

Pre-built integrations with your e-commerce ecosystem

e. ใช้กฎอัจฉริยะเพื่อการกำหนดเส้นทางการสั่งซื้อที่เหนือชั้น

เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการกำหนดเส้นทางการสั่งซื้อ ควรใช้เวลาในการติดตั้งระบบการจัดการคลังสินค้าอัจฉริยะ (Intelligent Warehouse Management System) ที่ช่วยให้มองเห็นข้อมูลสินค้าคงคลังได้อย่างแม่นยำทุกคลังสินค้าของคุณ ระบบนี้ยังควรช่วยคุณกำหนดกฎเกณฑ์ที่ช่วยปรับกระบวนการเติมเต็มสินค้าให้เหมาะสม

ตัวอย่างเช่น หากคุณมีคลังสินค้าหลายแห่ง ระบบควรช่วยให้คุณตั้งกฎที่ให้คลังสินค้าที่ใกล้กับสถานที่จัดส่งมากที่สุด คลังสินค้าที่มีสินค้าคงคลังสูงสุด หรือคลังสินค้าที่มีเส้นทางส่งมอบราคาถูกที่สุด เป็นผู้ริเริ่มกระบวนการเตรียมสินค้าเพื่อจัดส่ง นอกจากนี้ หากคลังสินค้าใดสต็อกหมด ระบบควรช่วยให้คุณสามารถเริ่มกระบวนการจัดส่งโดยใช้คลังสินค้าที่ดีที่สุดถัดไปตามเกณฑ์ที่คุณตั้งไว้ได้

Anchanto-Smart-Order-Routing

Fulfill orders across warehouses through smart order routing capabilities

6. บทสรุป

การขนส่งสินค้าอีคอมเมิร์ซทั่วโลกกำลังมุ่งสู่การเติบโตอย่างมหาศาล แต่จะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อมีการนำระบบดิจิทัลมาใช้เท่านั้น บริษัทที่ไม่ปรับตัวตามกระแสนี้ย่อมเผชิญผลกระทบ ดังนั้น การนำระบบดิจิทัลมาใช้จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นก้าวสำคัญในการอยู่รอดและประสบความสำเร็จในแวดวงโลจิสติกส์สำหรับอีคอมเมิร์ซที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

การยอมรับข้อจำกัดของธุรกิจ การลงทุนในเทคโนโลยีคลาวด์ และการให้บริการที่เน้นลูกค้าเป็นสำคัญ จะช่วยให้คุณตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปและประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์สำหรับอีคอมเมิร์ซ

การนำระบบดิจิทัลมาใช้ แน่นอนว่ามีข้อดีมากมาย แต่ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วข้ามคืน เช่นเดียวกับสิ่งสำคัญอื่น ๆ การนำระบบดิจิทัลมาใช้ต้องมีการวางแผน ดังนั้น ควรทำความเข้าใจว่าอะไรที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของธุรกิจของคุณ และระบุโซลูชันที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น นอกจากนี้ คุณควรพิจารณาว่าลูกค้าของคุณต้องการอะไรจริง ๆ การมองเห็นภาพรวมของการดำเนินงานทั้งหมดถือเป็นสิ่งจำเป็น แต่คุณสามารถมอบสิ่งอื่นได้อีกเพื่อยกระดับประสบการณ์ของพวกเขาและประสบการณ์การซื้อสินค้าของลูกค้าปลายทาง

ติดต่อผู้เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์สำหรับอีคอมเมิร์ซ เพื่อรับคำปรึกษา ฟรี!

References – 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9